การทดสอบทัวริงตั้งสมมุติฐานโดยอลัน ทัวริง นักคณิตศาสตร์ชื่อดังผู้ถอดรหัสรหัสอีนิกมาของเยอรมัน ระบุว่าการที่ปัญญาประดิษฐ์จะเป็นเช่นนั้นได้นั้น จะต้องสามารถหลอกมนุษย์ให้คิดว่ามนุษย์นั้นสอดคล้องกับมนุษย์อีกคนหนึ่ง ไม่ใช่เครื่องจักร นั่นเป็นการตั้งค่าแถบที่ค่อนข้างสูงสำหรับนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ใช่ไหม แน่นอน แต่ฉันมีความคิดอื่นเกี่ยวกับทั้งหมดนี้ เนื่องจากแชทบอทที่มี AI น้อยมากสามารถทำสิ่งนี้ทางออนไลน์ได้แล้ว มาคุยกันเถอะ.
คุณเห็นไหม มีบทความที่น่าสนใจใน BBC Science News เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2015 เรื่อง; “คำถามเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์” โดย Peter Day ผู้สื่อข่าวธุรกิจระดับโลกที่ทำให้ฉันคิดและถามคำถามจริงๆ คุณคงเห็นแล้วว่า หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ในไม่ช้า AI จะส่งผ่านความฉลาดของมนุษย์ในทุกๆ ด้าน และจากนั้นจะไม่หันกลับมามองอีก หรือปัญญาประดิษฐ์ในอนาคตของเราจะมองว่ามันจำเป็นหรือไม่ แสร้งทำเป็นโง่พอๆ กับมนุษย์เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากเรา เพื่อให้บริการเรา? บทความระบุว่า:
“เมื่อเครื่องจักรอาจแซงหน้ามนุษย์ในฐานะนักคิด – กำลังเป็นข่าวพาดหัวข่าวมากมาย แต่คนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ระวังคำกล่าวอ้างของผู้เชี่ยวชาญ เช่น เรย์ เคิร์ซไวล์ หัวหน้าวิศวกรของ Google ที่ว่าในไม่ช้า เผ่าพันธุ์มนุษย์จะถูกบดบัง เครื่องจักรอัจฉริยะ นายเคิร์ซไวล์เชื่อมานานแล้วว่าในหนึ่งปี (อาจจะปี 2050) คอมพิวเตอร์จะพัฒนาให้ฉลาดเหมือนที่เราเป็น อีกสองปีต่อมา – หลังจากถูกตีโดยกฎของมัวร์ – พวกเขาจะฉลาดขึ้นสองเท่า”
โอเค ดังนั้น หากในไม่ช้า AI ทั้งหมดจะฉลาดกว่ามนุษย์ที่ฉลาดที่สุด มันจะค่อนข้างง่ายที่จะสังเกตเห็นพวกเขา ดังนั้นวิธีเดียวที่จะเอาชนะสิ่งนี้และหลอกมนุษย์ให้คิดว่าพวกเขาเป็นมนุษย์อีกคนหนึ่งก็คือการลดหุ่นลงอย่างรุนแรง ระดับความรู้ความเข้าใจของมนุษย์ ที่จริงแล้ว แชทบอทกำลังทำเช่นนี้อยู่ โดยจงใจสะกดคำผิดและใช้ไวยากรณ์และคำสแลงที่ไม่ดี ปรากฎว่าใช้งานได้ ในอนาคต AI จะใช้วิธีเดียวกันนี้เพื่อหลอกลวงมนุษย์ เหตุใดมนุษย์จึงตั้งโปรแกรม AI รุ่นต่อไปซึ่งจะเรียนรู้ว่าอะไรได้ผล และเนื่องจากกลยุทธ์นี้ใช้ได้ดี จึงถูกนำมาใช้บ่อยที่สุด
บางทีการผ่านการทดสอบทัวริงอาจต้องใช้ปัญญาประดิษฐ์ในอนาคตของเรา ‘เล่นโง่ๆ’ สักหน่อย โปรดพิจารณาทั้งหมดนี้และพิจารณา